stepping Park House ปลอดโปร่งอย่างมีระดับ เท่ากับขยับเข้าใกล้ธรรมชาติ


2019-10-21 15:09

จำนวนครั้งที่เปิดอ่าน : 295

ภายใต้การเติบโตอย่างรวดเร็วของเมืองในปัจจุบัน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะทำให้เมืองค่อยๆสูญเสียการเชื่อมต่อกับธรรมชาติไป เช่นเดียวกันกับเมืองโฮจิมินส์ ประเทศเวียดนาม ที่มีการขยับขยายเมืองออกไปอย่างต่อเนื่องจนพื้นที่สีเขียวเหลือน้อยเต็มที ซึ่ง “VTN Architect” บริษัทสถาปนิกสัญชาติเวียดนาม ได้มองเห็นความสำคัญของปัญหาที่เกิดขึ้น โดยคิด“House for Trees” โปรเจกต์ใหญ่ที่เกิดขึ้นเพื่อเสนอแนวทางแก้ปัญหาผ่านการออกแบบสถาปัตยกรรมขนาดเล็กอย่างบ้าน ให้มีการผสมผสานกลมกลืนกับพื้นที่สีเขียว ซึ่งบ้าน “Stepping Park House” นี้ เป็นอีกหนึ่งผลงานล่าสุดในโปรเจ็กต์ House for Trees ที่ดึงธรรมชาติที่มีอยู่รอบตัวอย่างสวนสาธารณะมาจัดสรรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผ่านเครื่องมือที่เรียกว่า สถาปัตยกรรมเพื่อช่วยแก้ปัญหาการใช้ชีวิตให้ดีขึ้น พร้อมแบ่งปันสิ่งแวดล้อมในเวลาเดียวกัน

     บนผืนที่ดินขนาดกะทัดรัดที่มีสวนสาธารณะอยู่ทางฝั่งทิศเหนือ ซึ่งนับว่าเป็นโชคดีเพราะค่อนข้างหาพื้นที่ว่างที่เชื่อมต่อกับสวนสาธารณะในโฮจิมินห์ได้ยาก ดังนั้นสถาปนิกจึงมุ่งเน้นไปที่การออกแบบบ้านให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างพื้นที่สีเขียวจากสวนสาธารณะ ด้วยการเปิดช่องว่างในทิศทางที่ห้องนั่งเล่นในชั้นล่างสามารถสัมผัสกับธรรมชาตินี้ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นเหตุผลให้ห้องนั่งเล่นหลักของบ้านหลังนี้ถูกวางไว้ด้านหลังสุดของบ้านแทนที่จะเป็นด้านหน้าแบบบ้านทั่วไป

แผนผังชั้นล่างของบ้าน ที่แสดงให้เห็นถึงการวางตำแหน่งห้องนั่งเล่นไว้ด้านหลังสุดของบ้าน เพื่อเชื่อมต่อไปยังพื้นที่สีเขียวของสวนสาธารณะด้านหลัง

มุมมองจากสวนสาธารณะสู่ด้านหลังของตัวบ้าน

นอกทึบแต่ในโปร่ง ช่องว่างขั้นบันไดที่ขยับเข้าใกล้ธรรมชาติ

     รูปลักษณ์ภายนอกที่เป็นอาคารทรงสี่เหลี่ยมสีขาวสอดแทรกพื้นที่สีเขียวตามช่องเปิดต่างๆ แต่ทว่าภายในกลับซุกซ่อนความโปร่งโล่ง และให้ความรู้สึกที่ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง เพราะสถาปนิกได้ออกแบบช่องว่างขนาดใหญ่ (Void) อยู่ทุกๆระดับชั้นภายในบ้าน และเป็นช่องว่างที่เชื่อมต่อกันในรูปแบบขั้นบันได เพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ภายในบ้านทั้งหมดเข้าด้วยกัน รวมถึงเปิดรับพื้นที่สีเขียวและแสงธรรมชาติเข้ามา ทำให้ผู้อยู่อาศัยขยับเข้าใกล้ธรรมชาติมากขึ้น

รูป Section ที่แสดงให้เห็นถึงช่องเปิดในแต่ละระดับ มีความต่อเนื่องกันในคล้ายขั้นบันได ตั้งแต่ชั้นพื้นดินจนถึงชั้นบนสุด

     นอกจากนี้ช่องว่างที่เกิดขึ้นยังทำให้อากาศสามารถพัดผ่านไปได้ทั่วทุกพื้นที่ภายในบ้าน เพราะอากาศเมื่อพัดผ่านเข้ามาจากห้องนั่งเล่นชั้นล่างสุดจะค่อยๆลอยตัวขึ้นสูงขึ้นตามทฤษฏี Chimney effect รวมถึงมี Green façade หรือผนังเปลือกอาคารที่ขนาบทั้งสองข้างของบ้านด้วยไม้เลื้อยจะช่วยลดความร้อนจากแสงแดดและให้ความร่มรื่น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของที่อยู่อาศัยในเขตร้อนชื้น

พื้นที่เปิดโล่งชั้นสองที่เชื่อมต่อมาจากโถงบันไดในห้องนั่งเล่นชั้นล่าง และต่อเนื่องไปยังพื้นที่สวนพักผ่อนในชั้น 3

ส่วนหนึ่งของกันและกัน

     การปลูกต้นไม้ใหญ่ภายในบ้านหลังนี้ เป็นอีกหนึ่งวิธีของการนำธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งภายในบ้าน ซึ่งสถาปนิกได้เลือกตำแหน่งที่มีแสงธรรมชาติเข้าถึง และเป็นฟังก์ชันส่วนรวมที่สมาชิกสามารถเข้ามาใช้เวลาร่วมกันได้ อย่างในห้องนั่งเล่น และระเบียงชั้นสาม ซึ่งนอกจากจะช่วยกรองแสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาในบ้านโดยตรงแล้ว ยังช่วยเพิ่มความสดชื่นให้ทุกๆพื้นที่เชื่อมต่อเข้ากับธรรมชาติได้เป็นอย่างดี

สวนพักผ่อนบนชั้น 3 ภายใต้หลังคาที่เป็นโครงสร้างไม้ ซึ่งเมื่อแสงธรรมชาติส่องลงมาจะเกิดจังหวะของแสงเงาที่ทอดลงบนพื้น ช่วยต่อเติมบรรยากาศการอยู่อาศัยให้เต็มไปด้วยความอบอุ่น

เปลือกของอาคารชั้นนอกถูกปกคลุมไปด้วยไม้เลื้อย ส่วนชั้นในมีหน้าต่างบานเลื่อนที่เลือกเปิดให้อากาศถ่ายเท หรือเลือกปิดเพื่อความเป็นส่วนตัวได้ ซึ่งเมื่อลมพัดผ่านเข้ามาจะช่วยให้อากาศภายในบ้านเย็นขึ้น นอกจากนี้ผนังในส่วนห้องนอนและห้องน้ำในส่วนที่เป็นช่องเปิดหน้าต่าง จะมีการย่นระยะเข้ามา เพื่อเว้นระยะให้สามารถสอดแทรกพื้นที่สีเขียวภายนอกได้ โดยสถาปนิกตั้งใจให้ต้นไม้เป็นม่าน ที่ช่วยเรื่องความเป็นส่วนตัวจากมุมมองภายนอก พร้อมทั้งแบ่งปันพื้นที่สีเขียวสู่ภายในบ้านและบริบทไปพร้อมๆกัน

รูป Elevation ของบ้าน ที่แสดงให้เห็นถึงพื้นที่สีเขียว ที่เชื่อมต่อกันตั้งแต่ชั้นล่างสุดของบ้านจนถึงชั้นบนสุด

แปลนชั้น 1 และ ชั้น 2 ของบ้าน ที่แสดงให้เห็นถึงช่องเปิดรอบตัวบ้านที่มีการล่มระยะเข้ามาเพื่อปลูกต้นไม้ ไม่ว่าจะอยู่ส่วนใดของบ้านผู้อยู่อาศัยก็รู้สึกเหมือนได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติตลอดทุกช่วงเวลา

ความสำเร็จของบ้านหลังนี้ นอกจากจะเป็นการหลอมรวมบ้านและบริบทโดยรอบด้วยพื้นที่สีเขียวแล้ว ยังเป็นการดึงธรรมชาติเข้ามาเป็นเครื่องมือตอบโจทย์ในการอยู่อาศัยภายใต้สภาพอากาศในเขตร้อนชื้นนี้ ได้เป็นอย่างดี รวมถึงแก้ไขปัญหาของเมืองได้ด้วยในเวลาเดียวกัน

Dtip ในการปลูกต้นไม้ใหญ่ภายในบ้าน

การปลูกต้นไม้ใหญ่ภายในบ้านจำเป็นต้องเตรียมการตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ เพราะมีเรื่องการรับน้ำหนักของน้ำ ดิน และต้นไม้เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเริ่มจากการกำหนดพื้นที่ที่จะปลูก คำนวณน้ำหนักและโครงสร้างในส่วนนั้นๆให้มีความแข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนัก มีขั้นตอนของการเตรียมพื้นผิวด้วยการทาน้ำยาเคลือบผิวกันซึมต่างๆด้วย ทั้งนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องศึกษาพันธุ์ไม้ และเลือกรูปทรงของต้นไม้ให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่จะปลูกด้วย